บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ ในประเทศไทย รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำไร ครึ่งปีแรก 153.0 ล้านบาท ลดลง 33.5% จาก 230.0 ล้านบาท และมี รายได้ รวม 1,363.2 ล้านบาท ลดลง 29.8% จาก 1,942.2 ล้านบาท
โดยหากเลือกใช้การตั้งสำรอง ตามข้อผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ ตามแนวปฏิบัติทางการบัญชี จะมีกำไรครึ่งปีแรก 256.6 ล้านบาท โตขึ้น 12% เผยโควิด-19 ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2562 ในวงกว้าง ประกอบกับผลกระทบโดยตรง จากยอดขายรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ครึ่งปีแรก ลดลง 18.1% และ 37.3% ตามลำดับ

บริษัทเผยการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์โควิด-19 มีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือรวมทั้งในประเทศ และต่างประเทศกว่า 200,000 ราย พบลูกค้าส่วนใหญ่ยังชำระเต็มจำนวนถึง 74.6% ทำให้บริษัทฯ สามารถเก็บค่างวดได้สูงถึง 87.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งมากกว่าที่บริษัทฯ คาดไว้ ทั้งนี้คาดว่ายังคง มีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญ บริษัทฯ จึงใช้นโยบายเพิ่มความระมัดระวัง ในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ในขณะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการนำดิจิทัลเทคโนโลยี มาใช้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีการบริหารจัดการแหล่งต้นทุน ทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ คาดจะส่งผลดีต่อผลประกอบการ ของบริษัทฯ ในระยะยาวต่อไป

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมติงบการเงิน สำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 30/6/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,363.2 ล้านบาท ลดลง 29.8% จาก 1,942.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 153.0 ล้านบาท ลดลง 33.5% จาก 230.0 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ปีก่อนช่วงเวลาเดียวกัน โดยในไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิ 52.3 ล้านบาท ลดลง 55.3% จาก 117.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันกับปีก่อน และรายได้รวม 622.3 ล้านบาท ลดลง 35.3% จาก 962.5 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้เช่าซื้อ และลูกหนี้เงินให้กู้ยืม สุทธิรวม 5,886.1 ล้านบาท ลดลง 20.9% จาก 7,438.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 จากนโยบายเข้มงวด การปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องมา 7 ไตรมาส และในไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา ยังได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ จากโควิด-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศกว่า 200,000 ราย

“ผลประกอบการดังกล่าว เป็นการตั้งสำรอง โดยใช้มาตราฐานบัญชี TFRS 9 ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ตั้งสำรองตามข้อผ่อนปรน การจัดชั้นลูกหนี้ตามแนวปฏิบัติทางการบัญชี บริษัทฯ จะมีกำไรครึ่งปีแรก 256.6 ล้านบาท หรือโตขึ้น 12% อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ผ่านมา ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงลูกค้าบางส่วนของ TK บริษัทฯ จึงได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า โดยแบ่งเป็น 4 มาตรการหลัก คือ 1) การหยุดพักชำระหนี้ค่างวด  2) การลดยอดผ่อนชำระค่างวดลง ให้อยู่ในระดับขั้นต่ำตามที่กำหนด 3) การให้ส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากอัตราปกติ สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการปิดยอดคงค้าง ของบัญชีก่อนกำหนด และ 4) การให้ความคุ้มครอง Covid-19 สำหรับลูกค้าที่ยังคงชำระค่างวดเต็ม ได้ตามเดิม ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าโดยส่วนใหญ่ ยังมีการชำระเต็มจำนวนเฉลี่ยสูงถึง 74.6% จึงทำให้บริษัทฯ สามารถเก็บค่างวด คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 87.4% ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทฯ ได้คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ในกรณีที่สถานการณ์ดังกล่าว ยังคงยืดเยื้อ โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวด ในการปล่อยสินเชื่อ และการควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการนำดิจิทัลเทคโนโลยี มาใช้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบริหารจัดการ แหล่งต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดี ต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวต่อไป” นางสาวปฐมา กล่าว

Mr. Prapol Phornprapha - Director of Thitikorn

ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 52.3 ล้านบาท ลดลง 55.3% จาก 117.1 ล้านบาท และรายได้รวม 622.3 ล้านบาท ลดลง 35.3% จาก 962.5 ล้านบาท ส่วนรายได้เช่าซื้อ มีจำนวน 514.9 ล้านบาท ลดลง 33.8% จาก 778.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ ที่ถดถอยต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกในปี 2563 มีจำนวน 732,636 คัน ลดลง 18.1% จาก 894,148 คัน และยอดจำหน่ายรถยนต์ครึ่งปีแรกในปี 2563 มีจำนวน 328,604 คัน ลดลง 37.2% จาก 523,770 คัน ส่วนของรายได้อื่น ๆ ในไตรมาส 2 มีจำนวน 104.1 ล้านบาท ลดลง 42.0% จาก 179.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน อันเป็นผลมาจากมาตรการ ให้ความช่วยเหลือลูกค้าในช่วง Covid-19 โดยบริษัทฯ ได้ยกเว้นเบี้ยปรับต่าง ๆ และค่าติดตามทวงถาม ในช่วงเวลาดังกล่าว

“ในสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย TK หันมาให้ความสำคัญ กับการดูแลลูกค้าในพอร์ต ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่าย และการนำดิจิทัลเทคโนโลยี มาใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรวม ในไตรมาส 2/2563 ลดลง 30.6% จาก 779.5 ล้านบาท เป็น 540.6 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังคงควบคุมต้นทุนทางการเงิน ตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ โดยในไตรมาส 2/2563 มีต้นทุนทางการเงินจำนวน 21.3 ล้านบาท ลดลง 37.9% จาก 34.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากมีการใช้วงเงินกู้ลดลง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์  ประกอบกับมีการบริหารจัดการแหล่งต้นทุน ทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีสถานะเงินสดอยู่ที่ระดับประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีความพร้อม ที่จะสามารถนำไปชำระคืนหุ้นกู้ ชำระค่าหุ้นในการซื้อกิจการ MFIL ในประเทศเมียนมา และพร้อมกลับมาเร่งทำตลาด เพื่อขยายตัวในประเทศ เมื่อสถานการณ์ปรับตัว ในทิศทางที่ดีขึ้นทันที” นายประพลกล่าวเพิ่มเติม

นายประพล กล่าวเสริมว่า แม้ว่าผลประกอบการ ในประเทศไทยจะหดตัว แต่ผลประกอบการ ในต่างประเทศของ TK ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนสินเชื่อ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22% ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2563 โดยมาจากประเทศกัมพูชา เป็นหลักที่ระดับ 19% และคาดว่าสัดส่วนสินเชื่อ ในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในสิ้นปี 2563 นี้

เกี่ยวกับบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน)
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,900 คน มีสาขาบริการรวม 75 สาขา มีบริษัทลูกในประเทศ 3 บริษัท และต่างประเทศ 3 บริษัท คือ กัมพูชา ลาว พม่า ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งใน และนอกประเทศ โดยมีลูกค้าประมาณ 300,000 ราย

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : https://www.ryt9.com/s/prg/3150491