พ.ร.บ. จราจร ฉบับใหม่” (ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ย.2562 ที่ผ่านมา) ตำรวจไม่สามารถยึดใบขับขี่ได้ ทำได้เพียงขอดูเพื่อออกใบสั่ง ตัดแต้ม หรือไปชำระค่าปรับเท่านั้น
โดยประชาชนสามารถพกใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ของกรมการขนส่งทางบก หรือ “ใบขับขี่ดิจิทัล” ใช้แทนของจริงได้ (ย้ำไม่สามารถใช้ภาพใบขับขี่ที่ถ่ายจากมือถือได้)
โดยผู้ที่ถูกออกใบสั่งต้องเสียค่าปรับ และถูก ตัดแต้ม ความประพฤติร่วมด้วย คาดว่าเริ่มใช้ 19 ธ.ค. 2562 หากถูกตัดแต้มครบ 12 แต้ม จะถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นเวลา 90 วัน และแต้มจะกลับคืน 12 แต้ม โดยมีเงื่อนไขต้องเสียค่าใช้จ่ายเข้าอบรมใหม่ และต้องสอบให้ผ่าน จะได้รับแต้มที่ถูกตัดไปคืนมา
- เกณฑ์ตัดแต้ม กลุ่ม 1 แต้ม อาทิ การใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ , การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย , การไม่สวมหมวกกันน็อก , การขับรถบนทางเท้า , การขับเร็วเกินกำหนด , การไม่หลีกทางให้รถฉุกเฉิน , การไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย รวมถึงการไม่ชำระค่าปรับในระยะเวลาที่กำหนด
- เกณฑ์ตัดแต้ม กลุ่ม 2 แต้ม อาทิ การฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟแดง , การขับรถย้อนศร , การขับรถโดยประมาทหวาดเสียว , การขับรถระหว่างโดนพักใช้ใบขับขี่ , เมาแล้วขับ
- เกณฑ์ตัดแต้ม กลุ่ม 3 แต้ม อาทิ การสนับสนุนส่งเสริมการแข่งรถบนท้องถนน , ขับชนแล้วหนี , เมาแล้วขับมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- เกณฑ์ตัดแต้มขั้นสูงสุด 4 แต้ม อาทิ เมาแล้วขับมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ , เมาแล้วขับชนคนบาดเจ็บและเสียชีวิต , เสพยาเสพติดแล้วขับชนคนบาดเจ็บและเสียชีวิต แข่งรถบนถนน
- หากภายใน 3 ปี ผู้ขับขี่ถูกพักใช้ใบขับขี่เกินกว่า 2 ครั้ง โดยในครั้งที่ 3 จะถูกพักใช้ใบขับขี่เป็นเวลา 1 ปี และช่วงระหว่าง 1 ปี หากทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบขับขี่ในทันที และต้องรออีก 5 ปี จึงจะสามารถทำใบขับขี่ใหม่ได้
นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบก ยังได้เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้นแก่ผู้ขับขี่ถูกออกใบสั่ง โดยกรมการขนส่งทางบกได้เชื่อมระบบร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน โดยเริ่มเมื่อ 1 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : thairath.co.th